เด็กหญิงชาวรัสเซีย ติดกลางหิมะตลอดทั้งคืน เอาชีวิตรอดด้วยการนอนกอดสุนัข
สร้างความเห็นอกเห็นใจไม่น้อย สำหรับข่าวคราวของเด็กหญิงวัย 10 ขวบ รายหนึ่งภายในประเทศรัสเซีย ซึ่งต้องพบเจอกับสภาพความยากลำบากในการเอาชีวิตรอดจากความหนาวเหน็บ โดยเด็กหญิงรายดังกล่าวติดอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน เพราะหิมะตกลงมาอย่างหนักหน่วง เธอจึงมีความจำเป็นต้องเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศอันโหดร้ายมาตลอดทั้งคืน ด้วยการนอนกอดสุนัขตัวหนึ่งตรงบริเวณนั้น เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายของตัวเอง จนเธอสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์นี้มาได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงชื่นชมของคนทั่วโลกมากมาย ที่ส่งกำลังใจเข้ามาแบบเหนียวแน่นล้นหลามเลยทีเดียว
ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่าข่าวของเด็กหญิงชาวรัสเซียคนดังกล่าว กำลังถูกหยิบยกมารายงานลงบนสื่อสำนักใหญ่ๆ ทั่วโลก เนื่องจากคนจำนวนมากมีความชื่นชมต่อทักษะการเอาชีวิตรอดของเธอ โดยเฉพาะการกอดสุนัขเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย แต่ขณะเดียวกันหลายต่อหลายคนมีความเห็นอกเห็นใจเธอสุดๆ ที่ต้องมาพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ การต้องเผชิญอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บตลอดทั้งคืน เป็นเรื่องยากมากๆ ที่เด็กหญิงคนนึงจะสามารถรับมือได้ จึงไม่แปลกหากทุกคนจะมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อตัวเธอมากถึงเพียงนี้
รายงานข่าวจากสำนักต่างๆ ระบุตรงกันว่าเด็กหญิงไม่ทราบชื่อคนนี้กำลังเดินทางกลับจากโรงเรียนแห่งหนึ่งภายในเมืองอูเกิลกอร์สกี เพื่อมุ่งตรงไปยังบ้านของตัวเอง แต่ปรากฏว่าเธอเดินทางไม่ถึงบ้าน เพราะระหว่างทางมีหิมะโหมกระหน่ำตกลงมาแบบหนักหน่วงเหลือเกิน และที่สำคัญคือมีลมพัดรุนแรงด้วยเช่นกัน จนแตะระดับสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ตลอดระยะเวลานั้นทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น รวมไปถึงชาวบ้านอีกหลายๆ คน จึงระดมพลตามหาเด็กหญิงตลอดทั้งคืน หลังจากมีความชัดเจนแล้วว่าเด็กหญิงหายตัวไป ทำเอาประชาชนแถวนั้นอดเป็นห่วงไม่ได้ ต้องช่วยกันตามหาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอเธอ
แต่นอกเหนือจากการตามหาในละแวกชุมชนแล้ว ทราบมาว่าเจ้าหน้าที่เดินไปตรวจค้นตามบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงด้วยเหมือนกัน เนื่องมาจากเด็กหญิงคนดังกล่าวมีความชื่นชอบสัตว์เลี้ยง แถมผู้ปกครองยังให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ด้วยว่าเธอชอบเล่นกับสัตว์เลี้ยงเอาเสียมากๆ แต่เช้าวันต่อมามีอาสาสมัครไปพบเจอกับเธอเข้าในที่สุด เธอกำลังนั่งอยู่กับสุนัขตรงบริเวณบ้านสุนัขกลางแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งดำเนินการส่งตัวเด็กหญิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที พบว่าเด็กหญิงมีสุขภาพแข็งแรงดี ผู้ปกครองของเธอจึงมีความโล่งใจขึ้นมาหน่อย ส่วนคนติดตามข่าวเองก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยนิดๆ หน่อยๆ พร้อมกับบอกว่าควรหาแนวทางป้องกันแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกครั้งในอนาคต