Home ข่าวอาชญากรรม มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกันสอบเครียด

มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกันสอบเครียด

by admin
มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกันสอบเครียดyamashitataro อาชญากรรม

มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกันสอบเครียด

ตำรวจจับกุมตัวกลุ่มมิจฉาชีพ สวมสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง – เราเที่ยวด้วยกัน สอบเครียด จากที่มีข่าวมีมิจฉาชีพเข้าไปตามหมู่บ้านในต่างจังหวัด ทำการพูดจาหลอกลวงชาวบ้านโดยเฉพาะผู้สูงอายุเพื่อขอเอาบัตรประชาชนไปทำการลงทะเบียนให้ในโครงการสิทธิ์สวัสดิการต่าง ๆ ที่รัฐบาลประกาศให้ลงทะเบียนเนื่องจากการเยียวยาสถานการณ์โรคไวรัส โควิด 19 ระบาดที่ผ่านมา เมื่อได้บัตรประชาชนแล้วแก๊งมิจฉาชีพได้นำเลขประจำตัวบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์ต่าง ๆ ทั้งสิทธิ์โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ และอื่น ๆ ซึ่งมีผู้มาร้องเรียนจำนวนมาก

จึงได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อการดังกล่าว โดยรวบตัวหัวหน้าแก๊งหลอกลวงประชาชน ซ฿งผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็น ดร.คนหนึ่ง             ทางกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 (กก.3 บก.สส.ภ.4) จ.ขอนแก่น ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าวตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ26 /2564 ลงวันที่ 5 ก.พ. 2564  โดยได้แจ้งข้อหาเอาไปเสีย หรือไว้ ซึ่งบัตรหรือใบรับรอง หรือใบแทนใบรับรองของผู้อื่น เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เข้าสอบปากคำด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วม สภ.บ้านฝาง,ภ.จว.ขอนแก่น และ บก.สส.ภ.4 จับกุมตัวได้ภายในเขต จ.ขอนแก่น ก่อนที่จะถูกกุมตัวมาสอบสวน โดยหลังจากที่สอบสวนแล้ว พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 จะมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนและสาธารณะชนต่อไป โดยนัดให้ข้อมูลสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีนี้อีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 8 ก.พ.ที่จะถึงนี้ สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่ทางรัฐบาลออกมาเพื่อเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด มีมากมายหลายโครงการ

แต่ละโครงการต้องทำการลงทะเบียนผ่านทางสมาร์ชโฟน และมีการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเข้าร่วมโครงการทุกโครงการ ดังนั้นจึงมีผู้ใช้ช่องว่างจากการที่ชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุซ฿งไม่รู้จักวิธีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ทำการหลอกลวงและแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยการอาสาและสวมรอยเข้าเป็นเจ้าหน้าที่มาทำการช่วยเหลือลงทะเบียนสิทธิ์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและให้บัตรประชาชนไป ก็จะต้องเสียสิทธิ์และเงินช่วยเหลือเยียวยาที่ตนควรได้ ซึ่งในกรณีนี้ทางรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขได้ในเบื้องต้นว่าจะช่วยเหลือให้ได้สิทธิ์คืนมาอย่างไรได้บ้าง เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลยังหาแนวทางต่อไป ดังนั้นภาคประชาชนจึงต้องช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นมิจฉาชีพก็ให้แจ้งตำรวจ เพื่อจัดการจับกุมและกวาดล้างต่อไป

ข่าวอาชญากรรม 

You may also like

Leave a Comment