กระแสมาแรง ข่าวประยุทธ์หมดวาระ
ตอนนี้กำลังเป็นกระแสมากๆสำหรับข่าวประยุทธ์หมดวาระ ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนปัจจุบัน หรือคนที่29 โดยสืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญ เมื่อปี พ.ศ.2560 ได้กำหนดเอาไว้ว่า ไม่ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดกันนานถึง8ปี แต่ถึงอย่างไรแล้วนั้นข่าวประยุทธ์หมดวาระ ก็ยังไม่ได้บทสรุปที่แน่ชัด และยังคงเป็นข้อถกเถียงกันหนักมากอีกด้วย
สำหรับข่าวประยุทธ์หมดวาระ ที่เป็นประเด็นให้หลายคนพูดถึงก็คือ 8ปี นับตั้งแต่ตอนไหน โดยบาง คน บอกว่า ควรนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่24 สิงหาคม พ.ศ.2557 ก็จะครบกำหนด8ปีในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2565นี้ แต่บางคนก็บอกว่าข่าวประยุทธ์หมดวาระ ต้องนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งมีการประกาศให้ใช้ในปีดังกล่าว
ถ้าครั้งหน้ามีการได้รับเสนอชื่ออีก ก็จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกไปจนถึง พ.ศ.2568 และบางคนก็บอกว่าข่าวประยุทธ์หมดวาระ ให้นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกตามฉบับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ก็คือ เดือนมิถุนายน พ.ศ.2562 ถ้าสมัยนี้อยู่ครบวาระ เมื่อถึงปีพ.ศ.2566 ก็จะดำรงตำแหน่งในสมัยหน้าได้อีก 1ปี ด้วยกัน นั่นก็คืออีก4ปี ถึงปีพ.ศ.2570 หรืออาจจะเลยกว่านั้นเล็กน้อย เนื่องจากไม่นับช่วงรักษาการเพื่อรอก่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ข่าวประยุทธ์หมดวาระ ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณาและวินิจฉัยออกมาเป็นแบบไหน ซึ่งจะมีผลตรงๆกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีการยื่นไปให้ทางศาลรัฐธรรมนูญเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้ยังบอกไม่ได้ว่า ผลที่ออกมามันจะเป็นแบบไหน โดยทางด้านของรัฐบาล ก็ออกมาแสดงทีท่าว่า ถ้าเกิดใครมีข้อข้องใจ ก็ให้ยื่นตีความได้เลยเช่นเดียวกัน แต่ ข่าวประยุทธ์หมดวาระ ก็ยังไม่ถูกดำเนินการใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราก็ยังให้ความสนใจถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษกันต่อไป
ทางด้านของนาย วิษณุ เครืองาม ที่ถูกยกย่องว่า เป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ หลังถูกสื่อมวลชนต่างๆ ถาม โดยบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อไปได้ ถึงแม้ว่าจะหมดวาระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในช่วงรักษาการ ก็สามารถยุบสภาได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ บรรหาร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ยุบสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ปรับคณะรัฐมนตรีได้เหมือนกัน เนื่องจากช่วงนั้นมีการขัดแย้งเล็กน้อย จึงส่งผลให้ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะทำการเลือกตั้งใหม่ นั่นเอง
